วิธีการเล่นเปียโน เบื้องต้น
บทความ
เปียโนนั้นเป็นเครื่องดนตรีที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจมาก และยังเป็นเครื่องดนตรีที่เล่นแล้วสนุกอีกด้วย และถึงแม้คุณจะคิดว่าตัวเองคงจะไม่มีทางเป็นมือเปียโนที่เก่งได้ ถ้าหากไม่ได้ลงเรียนคอร์สเรียนเปียโนแพงๆ ให้ได้หลายปีซะก่อน แต่จำไว้ว่าจริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสักเท่าไรเลย เพราะแค่เพียงคุณมีความรู้พื้นฐานเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับตัวโน้ต คีย์ และคอร์ด และอาศัยการฝึกฝนให้มากๆ คุณก็สามารถเรียนเปียโนด้วยตัวเองได้แล้ว
หาเปียโนหรือคีย์บอร์ดมาไว้เล่น. หากคุณไม่มีเปียโนหรือคีย์บอร์ดเป็นของตัวเองที่บ้าน คุณอาจจะยืมจากเพื่อนของคุณก็ได้ ซึ่งประโยชน์ที่ได้จากการฝึกเล่นกับเปียโนจริงก็คือเสียงที่สมจริงกว่า เพราะว่าเสียงของเปียโนนั้นมาจากสายโลหะที่อยู่ในตัวเปียโน และนอกจากนี้ยังมีคีย์ถึง 88 คีย์อีกด้วย ส่วนคีย์บอร์ดจะไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้เลย ดังนั้น ให้คุณจำสิ่งนี้ไว้เสมอเวลาที่จะต้องตัดสินใจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
- เปียโนนั้นมีราคาแพงกว่าคีย์บอร์ดมาก แต่ว่าร้านขายเปียโนบางร้านก็มีเปียโนให้เช่าอยู่เหมือนกัน
- คุณต้องจูนเปียโนด้วยถ้าเกิดคุณใช้เปียโนโบราณหรือเปียโนวินเทจ เพื่อที่คุณจะได้ฝึกหูตัวเองให้ได้ยินโน้ตที่ถูกต้องได้ เปียโนเก่ามักจะมีเสียงเพี้ยนหากเราไม่ได้เล่นมันบ่อยๆ ดังนั้น หากเปียโนของคุณไม่ได้ถูกเล่นมานานแล้ว คุณอาจจะต้องให้มืออาชีพมาจูนให้ก่อนที่คุณจะเริ่มเล่น
- หากคุณไม่สามารถหาเปียโนได้ คีย์บอร์ดก็เป็นตัวเลือกที่ดีตัวเลือกหนึ่ง เพราะราคาไม่สูงมากนัก และเสียงก็ไม่มีวันไม่เพี้ยน แถมยังมีเสียงและคุณสมบัติพิเศษหลายอย่างอยู่ในตัวที่จะช่วยเสริมดนตรีของคุณให้มีสีสันได้ นอกจากนี้ คีย์บอร์ดยังง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและไม่กินพื้นที่อีกด้วย คีย์บอร์ดจึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้น ดังนั้น คุณอาจจะเริ่มต้นจากคีย์บอร์ดก่อนก็ได้ แล้วค่อยอัพเกรดเป็นเปียโนทีหลัง
- ให้ลองเริ่มต้นเรียนจากคีย์บอร์ด เพราะเครื่องดนตรีชนิดนี้ถูกผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีการเล่นเพลงต่างๆ ให้ได้เร็วขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้ว คีย์บอร์ดนั้นมักจะมาพร้อมกับหนังสือและวิดีโอที่จะช่วยสอนให้คุณเรียนรู้โน้ตดนตรีได้
- นั่งลงที่เปียโนหรือคีย์บอร์ดและทำความคุ้นเคยกับมัน. ให้คุณลองเล่นและดูว่าเสียงกลาง (ตรงกลางของเปียโน) เสียงแฟรต (คีย์สีดำถอยไปทางซ้ายมือ) เสียงชาร์ป (คีย์สีดำขึ้นไปทางขวา) เสียงเบส (เสียงต่ำ) และเสียงสูงเป็นยังไง แล้วฟังแต่ละเสียงให้ดีๆ และจดจำไว้ว่าแต่ละเสียงนั้นแตกต่างกันยังไง ฝึกฝนไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะสามารถบอกความแตกต่างระหว่างเสียงเหล่านั้นได้
- เรียนรู้คีย์เมเจอร์. คุณต้องเรียนรู้คีย์เมเจอร์ด้วยหากคุณอยากจะแยกเสียงที่ตัวเองได้ยินออก บางคนเรียนรู้ด้วยการทำความเข้าใจกับคีย์ที่เป็นเมเจอร์ แล้วจากนั้นก็กำหนดตัวเลขให้กับตัวโน้ตในคีย์เมเจอร์ ตัวอย่างเช่น 1 แทน C, 2 แทน D, 3 แทน E, 4 แทน F, 5 แทน G, 6 แทน A, 7 แทน B, 8 แทน C จะเห็นว่าทั้ง 8 และ 1 นั้นแทนโน้ตตัวเดียวกันซึ่งก็คือ C แต่แตกต่างตรงที่ว่าตัวเลขลำดับนั้นบ่งบอกถึง C ต่ำ และ C สูง ซึ่งเลข 1 ก็จะแทน C กลางหรือที่เรียกว่า middle C นั่นเอง
- เมื่อคุณรู้แล้วว่าต้องทำยังไงบ้าง คุณก็สามารถแทนตัวโน้ตในเพลงด้วยตัวเลขได้ ตัวอย่างเช่นในเพลง Mary Had A Little Lamb ที่มีโน้ต E - D - C - D - E - E – E คุณก็แทนโน้ตเหล่านี้ด้วยเลข 3 - 2 - 1 - 2 - 3 - 3 - 3
- หากคุณไม่มีความรู้พื้นฐานทางด้านดนตรีเลย คุณก็ต้องลองเรียนรู้มันไปและลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าใจ
อ้างอิง






















