วันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2562

การเล่นเปียโน เบื้องต้น



วิธีการเล่นเปียโน เบื้องต้น


บทความ

เปียโนนั้นเป็นเครื่องดนตรีที่มีเอกลักษณ์และน่าสนใจมาก และยังเป็นเครื่องดนตรีที่เล่นแล้วสนุกอีกด้วย และถึงแม้คุณจะคิดว่าตัวเองคงจะไม่มีทางเป็นมือเปียโนที่เก่งได้ ถ้าหากไม่ได้ลงเรียนคอร์สเรียนเปียโนแพงๆ ให้ได้หลายปีซะก่อน แต่จำไว้ว่าจริงๆ แล้วนี่ไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสักเท่าไรเลย เพราะแค่เพียงคุณมีความรู้พื้นฐานเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับตัวโน้ต คีย์ และคอร์ด และอาศัยการฝึกฝนให้มากๆ คุณก็สามารถเรียนเปียโนด้วยตัวเองได้แล้ว
หาเปียโนหรือคีย์บอร์ดมาไว้เล่น. หากคุณไม่มีเปียโนหรือคีย์บอร์ดเป็นของตัวเองที่บ้าน คุณอาจจะยืมจากเพื่อนของคุณก็ได้ ซึ่งประโยชน์ที่ได้จากการฝึกเล่นกับเปียโนจริงก็คือเสียงที่สมจริงกว่า เพราะว่าเสียงของเปียโนนั้นมาจากสายโลหะที่อยู่ในตัวเปียโน และนอกจากนี้ยังมีคีย์ถึง 88 คีย์อีกด้วย ส่วนคีย์บอร์ดจะไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้เลย ดังนั้น ให้คุณจำสิ่งนี้ไว้เสมอเวลาที่จะต้องตัดสินใจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
  • เปียโนนั้นมีราคาแพงกว่าคีย์บอร์ดมาก แต่ว่าร้านขายเปียโนบางร้านก็มีเปียโนให้เช่าอยู่เหมือนกัน
  • คุณต้องจูนเปียโนด้วยถ้าเกิดคุณใช้เปียโนโบราณหรือเปียโนวินเทจ เพื่อที่คุณจะได้ฝึกหูตัวเองให้ได้ยินโน้ตที่ถูกต้องได้ เปียโนเก่ามักจะมีเสียงเพี้ยนหากเราไม่ได้เล่นมันบ่อยๆ ดังนั้น หากเปียโนของคุณไม่ได้ถูกเล่นมานานแล้ว คุณอาจจะต้องให้มืออาชีพมาจูนให้ก่อนที่คุณจะเริ่มเล่น
  • หากคุณไม่สามารถหาเปียโนได้ คีย์บอร์ดก็เป็นตัวเลือกที่ดีตัวเลือกหนึ่ง เพราะราคาไม่สูงมากนัก และเสียงก็ไม่มีวันไม่เพี้ยน แถมยังมีเสียงและคุณสมบัติพิเศษหลายอย่างอยู่ในตัวที่จะช่วยเสริมดนตรีของคุณให้มีสีสันได้ นอกจากนี้ คีย์บอร์ดยังง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและไม่กินพื้นที่อีกด้วย คีย์บอร์ดจึงถือเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้น ดังนั้น คุณอาจจะเริ่มต้นจากคีย์บอร์ดก่อนก็ได้ แล้วค่อยอัพเกรดเป็นเปียโนทีหลัง
  • ให้ลองเริ่มต้นเรียนจากคีย์บอร์ด เพราะเครื่องดนตรีชนิดนี้ถูกผลิตขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีการเล่นเพลงต่างๆ ให้ได้เร็วขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้ว คีย์บอร์ดนั้นมักจะมาพร้อมกับหนังสือและวิดีโอที่จะช่วยสอนให้คุณเรียนรู้โน้ตดนตรีได้
  • นั่งลงที่เปียโนหรือคีย์บอร์ดและทำความคุ้นเคยกับมัน. ให้คุณลองเล่นและดูว่าเสียงกลาง (ตรงกลางของเปียโน) เสียงแฟรต (คีย์สีดำถอยไปทางซ้ายมือ) เสียงชาร์ป (คีย์สีดำขึ้นไปทางขวา) เสียงเบส (เสียงต่ำ) และเสียงสูงเป็นยังไง แล้วฟังแต่ละเสียงให้ดีๆ และจดจำไว้ว่าแต่ละเสียงนั้นแตกต่างกันยังไง ฝึกฝนไปเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะสามารถบอกความแตกต่างระหว่างเสียงเหล่านั้นได้
  • เรียนรู้คีย์เมเจอร์. คุณต้องเรียนรู้คีย์เมเจอร์ด้วยหากคุณอยากจะแยกเสียงที่ตัวเองได้ยินออก บางคนเรียนรู้ด้วยการทำความเข้าใจกับคีย์ที่เป็นเมเจอร์ แล้วจากนั้นก็กำหนดตัวเลขให้กับตัวโน้ตในคีย์เมเจอร์ ตัวอย่างเช่น 1 แทน C, 2 แทน D, 3 แทน E, 4 แทน F, 5 แทน G, 6 แทน A, 7 แทน B, 8 แทน C จะเห็นว่าทั้ง 8 และ 1 นั้นแทนโน้ตตัวเดียวกันซึ่งก็คือ C แต่แตกต่างตรงที่ว่าตัวเลขลำดับนั้นบ่งบอกถึง C ต่ำ และ C สูง ซึ่งเลข 1 ก็จะแทน C กลางหรือที่เรียกว่า middle C นั่นเอง
    • เมื่อคุณรู้แล้วว่าต้องทำยังไงบ้าง คุณก็สามารถแทนตัวโน้ตในเพลงด้วยตัวเลขได้ ตัวอย่างเช่นในเพลง Mary Had A Little Lamb ที่มีโน้ต E - D - C - D - E - E – E คุณก็แทนโน้ตเหล่านี้ด้วยเลข 3 - 2 - 1 - 2 - 3 - 3 - 3
    • หากคุณไม่มีความรู้พื้นฐานทางด้านดนตรีเลย คุณก็ต้องลองเรียนรู้มันไปและลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเข้าใจ

อ้างอิง
https://www.youtube.com/watch?v=sqKuFBqEVB0

ทฤษฏีดนตรีตะวันตก เบื้องต้น


ทฤษฏีดนตรีตะวันตก ตอนที่ 1 ตัวโน้ตและตัวหยุด 


บทความ

ทฤษฎีดนตรีสากลเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องศึกษาเพื่อเป็นแนวทางพื้นฐานสู่การปฏิบัติเครื่องดนตรีโน้ตดนตรีสากลและเครื่องหมายต่างๆ คือสัญลักษณ์ที่ให้ปฏิบัติ ดังนั้นทฤษฎีดนตรีสากลจึงควรศึกษาและฝึกเพื่อให้เกิดทักษะ ปฏิบัติจนเกิดความคล่องแคล่วด้วยความเข้าใจ

สาระการเรียนรู้
ทฤษฎีดนตรีสากล

กิจกรรฝึกทักษะที่ควรเพิ่มให้นักเรียน
1. อธิบายทฤษฎีดนตรีสากลขันพื้นฐานได้
2. อ่าน เขียน สัญลักษณ์ต่างๆ ของดนตรีสากล และบันทึกโน้ตดนตรีสากลได้


ทฤษฎีดนตรีสากล
1. บรรทัดห้าเส้น (Staff)
บรรทัดห้าเส้น (Staff) ประกอบด้วยเส้นตรงขนานกันจำนวน 5 เส้น และช่องบรรทัดจำนวน 4 ช่อง โดยเส้นบรรทัดมีระยะห่างเท่ากัน การนับเส้นหรือบรรทัดห้าเส้นให้นับตามลำดับจากล่างไปบนโดยนับเส้นหรือช่องล่างสุดเป็น 1 2 3 4 5 ตามลำดับ ในการบันทึกตัวโน้ตและสัญลักษณ์ต่างๆ ทางดนตรีสากลจะบันทึกบนบรรทัดห้าเส้นเป็นหลัก


 2. ตัวโน้ต (Note)
ตัวโน้ต เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้บันทึกแทนระดับเสียง และความยาวของเสียง ส่วนประกอบสำคัญของตัวโน้ต ได้แก่ ส่วนหัวตัวโน้ต และส่วนหางตัวโน้ต ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะโน้ตต่างๆ
2.1 เมื่อตัวโน้ตอยู่ต่ำกว่าเส้นที่ 3 หางตัวโน้ตจะชี้ขึ้น
2.2 เมื่อตัวโน้ตอยู่สูงกว่าเส้นที่ 3 หางตัวโน้ตจะชี้ลง
2.3 เมื่อกลุ่มตัวโน้ตอยู่เส้นที่ 3 หางตัวโน้ตจะชี้ขึ้นหรือลงก็ได้ ขึ้นอยู่กับกลุ่มตัวโน้ต
การรวบรวมหางตัวเขบ็ต
โน้ตตัวเขบ็ตลักษณะเดียวกัน เช่น ตัวเขบ็ต 1 ชั้น หรือตัวเขบ็ต 2 ชั้น สามารถเขียนหางตัวโน้ตรวบรวมเป็นหมวดหมู่ เพื่อความสวยงามเป็นระเบียบง่ายต่อการอ่าน
3. ค่าตัวโน้ต
ค่าตัวโน้ต ลักษณะตัวโน้ตมีหลายลักษณะ ค่าตัวโน้ตลักษณะต่างๆ สามารถเปรียบเทียบค่าความยาวโน้ต และมีชื่อเรียกลักษณะโน้ตต่างๆ ดังนี้

ภูมิเปรียบเทียบค่าตัวโน้ต


แผนภูมเปรียบเทียบค่าตัวโน้ต


ตารางเปรียบเทียบค่านับ


จะเห็นว่าค่าจังหวะนับของโน้ตตัวกลมมากที่สุด ตัวขาว ตัวดำ ตัวเขบ็ต 1 ชั้น ตัวเขบ็ต 2 ชั้นและตัวเขบ็ต 3 ชั้น จะมีค่าลดลงทีละครั้งตามลำดับ เช่น


4. ตัวหยุด (Rest)
ตัวหยุด คือ สัญลักษณ์ทางดนตรีที่กำหนดให้เงียบเสียงหรือไม่ให้เล่นในระยะ เวลาตาม
ค่าตัวหยุดนั้นๆ ตัวหยุดมีหลายชนิดสอดคล้องกับตัวโน้ตลักษณะต่างๆ

ตัวหยุดลักษณะต่างๆ ตามค่าตัวโน้ต

5. เส้นน้อย (Leger Lines)
เส้นน้อย คือ เส้นสั้นๆ ที่อยู่ต่ำกว่าหรือสูงกว่าบรรทัดห้าเส้น มีระยะห่างเท่ากับบรรทัดห้าเส้นโน้ตที่อยู่ต่ำหรือสูงมากๆ จะต้องอาศัยเส้นน้อยตามลำดับ เช่นโน้ตที่คาบเส้นจะเรียงลำดับกับโน้ตที่อยู่ในช่องถ้าหากเส้นน้อยมีมากกว่าสามเส้น ควรใช้วิธีการเปลี่ยนกุญแจประจำหลักหรือใช้เครื่องหมายคู่แปดช่วย เพื่อให้สะดวกต่อการอ่าน
6. กุญแจ (Clef)
กุญแจ คือ สัญลักษณ์ทางดนตรีที่บันทึกไว้ที่บรรทัดห้าเส้น เพื่อกำหนดระดับเสียงโน้ตที่อยู่ในช่องและอยู่บนเส้นของบรรทัดห้าเส้น กุญแจที่ใช้ในปัจจุบันมี 3 แบบ ดังนี้

6.1 กุญแจซอล หรือกุญแจ G (G clef) คือ กุญแจที่กำหนดให้โน้ตซอล (G) อยู่บรรทัดเส้นที่ 2 กุญแจชนิดนี้นิยมมากในกลุ่มนักดนตรี นักร้อง ใช้กับเครื่องดนตรีที่นิยมทั่วไป เช่น กีตาร์ ไวโอลินทรัมเป็ต ฯลฯ กญแจซอลมีชื่อเรียกภาษาอังกฤษ คือ เทรเบิลเคลฟ (Treble clef)

6.2 กุญแจฟา หรือกุญแจ F (F clef) คือ กุญแจที่กำหนดให้โน้ตฟา (F) อยู่บนเส้นที่ 4 กุญแจชนิดนี้นิยมใช้กับเสียงร้องหรือเครื่องดนตรีที่มีเสียงต่ำ เช่น เชลโล เบส ทรอมโบน ฯลฯกุญแจฟามีชื่อเรียกภาษาอังกฤษอีกชื่อคือ เบสเคลฟ (Bass clef)

กุญแจโดเทเนอร์ (Tenor clef) ใช้บันทึกโน้ตที่เล่นกับเชลโล และบาสซูน
6.3 กุญแจโด หรือกุญแจ C (C clef) คือ กุญแจที่กำหนดให้เสียงโด (C) อยู่บนเส้นใดก็ได้ของบรรทัดห้าเส้น ให้เป็นเสียงโดกลาง
กุญแจโดอัลโต
กุญแจโดอัลโต (A lot clef) ใช้บันทึกโน้ตที่เล่นกับวิโอลา
กุญแจโดเทเนอร์
กุญแจโดอัลโต (A lot clef) ใช้บันทึกโน้ตที่เล่นกับวิโอลา

7. การเรียกชื่อตัวโน้ต
การเรียกชื่อตัวโน้ตสากลที่นิยมมี 2 ระบบ ได้เเก่

7.1 ระบบโซฟา (So-Fa system) ใช้เรียกตัวโน้ตเรียงลำดับจากเสียงต่ำไปเสียงสูง ดังนี้ โด (Do) เร (Re) มี (Mi) ฟา (Fa) ซอล (Sol) ลา (La) ที (Ti)

7.2 ระบบตัวอักษร (Latter system) ใช้เรียกชื่อโน้ตเรียงลำดับจากเสียงต่ำไปเสียงสูง
ดังนี้ A B C D E F G โดยใช้ตัวอักษร แทนด้วยตัว ลา

การเรียกชื่อโน้ตในกุญแจ
เมื่อใช้กุญแจซอล (G clef) เรียงลำดับจากตัวโด ดังนี้
เมื่อใช้กุญแจฟา (F clef) เรียงลำดับจากตัวโด ดังนี้



อ้างอิง

https://www.youtube.com/watch?v=rP8JxMtZ7kM

รีวิว บุฟเฟต์อาหารทะเล


รีวิว บุฟเฟต์อาหารทะเล


บทความ

             สวัสดีค่า~ สายซีฟู้ดทั้งหลาย วันนี้พวกเราทีมงาน Wongnai ชลบุรี ขอเอาใจคนรักอาหารทะเลกับร้าน ฟาดให้เรียบ บุฟเฟ่ต์ทะเลเผาพัทยา ที่ขนความสดมาทั้งทะเล ทั้งกุ้งหอยปูปลา บอกเลยว่ามาหมด! ที่สำคัญร้านนี้อิ่มได้แบบไม่จำกัดเวลาใน ราคา 399 บาท รวมเครื่องดื่ม กินอย่างไรก็ไม่หมด Passion แน่นอน จะสดเด้งสู้ลิ้นแค่ไหนเลื่อนลงมาดูเลยจ้า~


ฟาดให้เรียบ!
ร้านฟาดให้เรียบ บุฟเฟ่ต์ทะเลเผาพัทยาตั้งอยู่ถนนจอมเทียนสาย 2 บรรยากาศโปร่งโล่งสบาย นั่งได้แบบชิลล์ ๆ ไม่แออัด มีสเตชันตักอาหารที่แบ่งกันชัดเจน มีทั้งโซนซีฟู้ดบนเรือ และบ่อกุ้งบ่อปู ที่สามารถเลือกตักกันได้แบบเป็น ๆ กันเลยทีเดียว


บุฟเฟ่ต์ทะเลเผาพัทยา

บรรยากาศร้าน

โซนซีฟู้ด

จุ้ง จุ้ง 

ตักได้ไม่จำกัด

ปูสด ๆ เนื้อแน่นหวาน

หอยแครงไซส์ใหญ่

มีบ่อกุ้งให้ตักแบบเป็น ๆ

ปูก็มีจ้า~
นอกจากนี้ยังมีโซนอาหารปรุงสุกที่มีทั้ง ต้มยำกุ้ง, กุ้งผัดพริกเกลือ, ของทอดต่าง ๆ , ยำหมูยอ, ปูผัดผงกะหรี่ และอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังมีโซนส้มตำที่สามารถตำเองได้ หรือใครไม่ถนัดก็สามารถให้พนักงานตำให้ได้นะคะ


อาหารปรุงสุกหลากหลาย
ใครชอบกินเนื้อหมูหรือไก่ ที่นี่ก็มีเนื้อหมู และไก่ ที่หมักมารสชาติกลมกล่อม มีทั้งแบบเสียบไม้บาร์บีคิว และแบบเป็นเนื้อให้เลือกตัก


บาร์บีคิวเสียบไม้

   เนื้อหมูหมัก

ซีฟู้ดหลากหลาย

บาร์บีคิวหมักมาแบบนุ่ม ๆ
และที่เด็ดไม่แพ้กันเลยก็คือ น้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเด็ด แซ่บสุดซอยของทางร้าน ที่รสชาติ เปรี้ยวเค็มเผ็ดครบรส กินกับซีฟู้ดแล้วเข้ากัน ดี๊ดี~ ส่วนใครชอบกินหมูกระทะก็มีน้ำจิ้มสุกี้ และน้ำจิ้มสามรสให้เลือกกินตามใจชอบ


น้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บ

กินแบบไหนก็เลิศ

หมูกระทะก็ฟิน

น้ำจิ้มสามรสแซ่บ ๆ
เรียกได้ว่าใครมาพัทยาแล้วอยากกินร้านบุฟเฟ่ต์ทะเลเผา ที่มีแต่ซีฟู้ดสด ๆ ส่งตรงจากทะเล แบบไม่จำกัดเวลาก็แนะนำร้านนี้เลยค่ะ ฟาดให้เรียบ ราคาผู้ใหญ่ 399 บาท, ราคาเด็กโต (สูงเกิน 130 ซม.) 259 บาท, ราคาเด็กเล็ก (สูงต่ำกว่า 130 ซม.) 199 บาท และเด็กสูงไม่ถึง 80 ซม. กินฟรี! รวมเครื่องดื่มแล้วทุกอย่าง หรือใครอยากกินเฉพาะหมูกระทะก็มาเลยใน ราคา 199 บาท (ไม่รวมเครื่องดื่ม) ส่วนถ้าใครอยู่บ้านแล้วขี้เกียจออกไปไหนก็สามารถสั่งเดลิเวอรีซีฟู้ดจากทางร้านได้ ส่งทั่วทั้งพัทยา (ฟรีค่าส่งในเขตจอมเทียน) และเพื่อน ๆ สามารถติดตามร้านบุฟเฟ่ต์ทะเลเผาชลบุรีแบบนี้ต่อได้ใน ชลบุรีกินอะไรดี นะคะ~

พิกัด: ถนน จอมเทียนสาย 2 พัทยา ร้านอยู่ติดถนน มีที่จอดรถกว้างขวางด้านหลังร้าน

เวลาเปิด - ปิด: เปิดทุกวัน 16.00 - 23.00 น.

โทร: 090 - 9101333 อ่านต่อได้ที่ https://www.wongnai.com/articles/fad-hai-riap-buffet-seafood-pattaya?ref=ct


อ้างอิง

https://www.youtube.com/watch?v=rUS5RN59fxI

เทคโนโลยีการเกษตร




                                     à¸£à¸¹à¸›à¸ à¸²à¸žà¸—ี่เกี่ยวข้อง

บทความ 

           ารอนุรักษ์เชื้อพันธุกรรมพืชมีความสำคัญต่อชีวิต และความเป็นอยู่ของประชากรโลกในอนาคตเป็นอย่างยิ่ง      พันธุกรรมพืชถือเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าและมีความสำคัญต่อการผลิตและการปรับปรุงพันธุ์พืชเพื่อความมั่นคงทางอาหารในอนาคต ความหลากหลายทางพันธุกรรมของทรัพยากรเหล่านี้อาจจะสูญหายไป เนื่องจากความรู้เท่าไม่ถึงการหรือการขาดความตระหนักของมนุษย์ในการใช้ทรัพยากรเหล่านี้วิทยาการสำหรับการอนุรักษ์และการเก็บรักษาเชื้อพันธุกรรมพืชจึงมีบทบาทสำคัญที่จะดำรงไว้ซึ่งความหลากหลายของทรัพยากรนี้ให้ยั่งยืนถูกต้องตามหลักวิชาการและมีการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
      ประเทศไทยมีความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะชนิดพันธุ์พืชที่มีจำนวนมากกว่า 15,000 ชนิด ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีการค้นพบพืชชนิดใหม่ของโลกจากพื้นที่ป่าในหลายจังหวัดของประเทศไทยอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ในปัจจุบัน ถิ่นอาศัยของพืชหลายแห่งในประเทศไทยลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายกิจกรรม เช่น การทำลายพื้นที่ป่า การเกษตร การท่องเที่ยว รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก จึงมีการคาดการณ์ว่าหากไม่มีการแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง อาจมีพืชอย่างน้อย 60,000 ชนิด ที่จะสูญพันธุ์ภายใน 50 ปี ข้างหน้า
      ดังนั้น  จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาและทราบถึงความหลากหลายทางชีวภาพของพืชหายาก พืชที่ถูกรุกราน พืชใกล้สูญพันธุ์โดยศึกษาวิธีการเก็บตัวอย่างเชื้อพันธุกรรมพืชให้ได้วิธีการที่ดีและมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อเป็นการอนุรักษ์พันธุกรรมของพืชหายาก พืชที่ถูกรุกราน พืชที่มีศักยภาพในการพัฒนานำไปใช้ประโยชน์และพืชใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทย
      จากข้อมูลในหนังสือพรรณไม้หายากในประเทศไทย ซึ่งได้ยกตัวอย่างรายชื่อพืชที่หายากไว้ เช่น
  • กุหลาบแดง (Rhododendron arboretum)
  • รางจืดภูคา (Thunbergiacolpifera)
  • เต่าร้างดอยภูคา (Caryotaobtusa)
  • ก่อสามเหลี่ยม (Trigonobalanusdoichangensis)
  • กฤษณาน้อย(Gyrinopvidalii)
  • โมกราชินี (Wrightiasirikitiae)
  • โมกเขา (Wrightialanceolata)
  • นกกระจิบ (Aristolochiaharmandiana)
  • มหาพรหม (Mitrephorakeithii)
  • กระเพราหินปูน (Plectranthusalbicalyx)
  • ส้านดำ (Dilleniaexcelsa)
  • ก่วมภูคา (Acer wilsonii)
  • ชมพูภูคา (Bretschneiderasinensis)
  • เทียนกาญจนบุรี (Impatiens kanbuiensis)
  • เทียนคำ (Impatiens longiloba)
  • เทียนเชียงดาว (Impatiens chiangdaoensis)
  • เทียนนกแก้ว (Impatienspsittacina)
  • เหยื่อกุรัม(Impatiens mirabilis)
  • ปาล์มบังสูรย์ (Johammesteijsmanniaaltifrons)
  • โพอาศัย (Neohymenopogonparasiticus)
  • โมฬีสยาม (Reevesiapubescens)
      รวมถึงกล้วยไม้ป่าต่างๆ อีกหลายสกุลที่จะสามารถพบได้เพียงถิ่นเดียว (endemic species) เท่านั้น
      ปัญหาการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพของพืช ส่วนมากเกิดขึ้นจากการกระทำของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อมซึ่งสามารถระบุสาเหตุสำคัญๆ ได้ดังนี้ เช่น
  1. การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการผลิตและบริโภคเพื่อทำการเกษตรแบบมุ่งเน้นการค้า มีการผลิตสายพันธุ์เดียวโดยละทิ้งสายพันธุ์พื้นเมืองดั้งเดิม มีการใช้สารเคมีมากขึ้นในการเกษตร เช่น ยาฆ่าแมลงและยาปราบศัตรูพืช เกิดสารพิษตกค้างในดินและแหล่งน้ำ กระทบต่อสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในดิน และสัตว์น้ำ รวมถึงกระทบต่อสภาพดั้งเดิมของพื้นที่การเจริญของพืช
  2. การเติบโตของประชากรและการกระจายตัวของประชากร ทำให้เกิดการรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง ซึ่งกระทบต่อความสมดุลของระบบนิเวศ
  3. การทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์นานาพันธุ์   เช่น  การทำลายป่า  การล่าสัตว์  การอพยพหนีภัยธรรมชาติของสัตว์ ทำให้เกิดการขาดสมดุลทางธรรมชาติ
  4. มีการนำมาทรัพยากรธรรมชาติไปใช้ประโยชน์มากเกินไป
  5. การตักตวงผลประโยชน์จากชนิดพันธุ์ของพืชและสัตว์ป่า  เพื่อผลประโยชน์ทางการค้า โดยการค้าขายสัตว์และพืชป่าแบบผิดกฎหมาย
  6. การนำเข้าชนิดพันธุ์ต่างถิ่น ซึ่งมีผลกระทบต่อการเข้าทำลายสายพันธุ์ท้องถิ่นดั่งเดิม
  7. การสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เช่น มลพิษทางน้ำ มลพิษทางอากาศ และขยะ เป็นต้น
  8. การเปลี่ยนแปลงภาวะเศรษฐกิจ  และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมของโลก  เช่น  อุณหภูมิโลกสูงขึ้น การเพิ่มขึ้นของน้ำทะเล  ภัยแล้งทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำ การเกิดไฟป่า ในช่วงฤดูฝน  เกิดปัญหาน้ำท่วม โคลนถล่ม เป็นต้น
  9. การอ้างสิทธิบัตร เช่น ประเทศญี่ปุ่นได้จดสิทธิบัตรการผลิตสารแก้โรคกระเพาะจากต้นเปล้าน้อย ซึ่งเป็นพันธุ์พืชที่มีในประเทศไทย (สรุปข่าวสิ่งแวดล้อม ปี 2543)
  10. ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีชีวภาพ (biotechnology)ด้านการตัดต่อพันธุกรรมหรือ  จีเอ็มโอ (GMO; Genetically Modified Organisms) หรือพันธุวิศวกรรม(genetic  engineering) อาจทำให้เกิดการรุกรานที่รุนแรงขึ้นและมีโอกาสในการเปลี่ยนแปลงของประชากรพืช
      ทางสถานีวิจัยลำตะคองได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรพืชที่หายาก พืชที่ถูกรุกราน พืชใกล้เคียงพืชปลูก และพืชใกล้สูญพันธุ์จึงได้มีการสำรวจ รวบรวมข้อมูล เก็บตัวอย่างพืชเพื่อศึกษาลักษณะสัณฐานวิทยา การระบุชนิดของพืชด้วยสัณฐานวิทยา และการเก็บรักษาเชื้อพันธุกรรมพืช ทั้งการเก็บรักษาในแบบสภาพแปลง (field gene bank) การเก็บรักษาในอุณหภูมิต่ำ (cryopreservation) การขยายพันธุ์ด้วยวิธีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช (in vitro tissue culture) รวมถึงการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืช (seed banks)ซึ่งอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นศึกษาวิจัยและหาวิธีการที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสถานีวิจัยลำตะคองมีห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ทางด้านการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์พืช ห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช ห้องพิพิธภัณฑ์พืช อาคารเรือนกระจกสำหรับจัดแสดงพรรณไม้ และโรงเรือนเพาะชำและขยายพันธุ์พืช เพื่อใช้ในการทดลอง รวบรวม และวิจัยวิธีการเก็บรักษาเชื้อพันธุกรรมพืช ให้สามารถเป็นต้นแบบในการจัดการระบบการบริหารทรัพยากรชีวภาพพืช เพื่อใช้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจ สังคมและความมั่นคงของประเทศต่อไป
      ซึ่งตัวอย่างพืชที่ทางสถานีวิจัยลำตะคองได้มีการรวบรวมศึกษาไว้แล้ว ได้แก่ พืชวงศ์ขิง(Zingiberaceae) พืชวงศ์กล้วยไม้ (Orchidaceae) และพืชเขาหินปูนในประเทศไทยโดยเฉพาะกล้วยไม้ป่าในประเทศไทยที่มีความหลากหลายสูงแต่ก็ถูกทำลายโดยการลดลงของพื้นที่ป่า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก

อ้างอิง

https://www.google.com/search?biw=1366&bih=608&tbm=isch&sa=1&ei=r_PHXOLLKMLhvgTRuo3oAg&q=%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5+%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3&oq=%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B5+%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3&gs_l=img.1.5.35i39j0l4j0i24l5.421274.426613..430979...3.0..0.161.1343.1j9......1....1..gws-wiz-img.......0i8i30.g_1bEyuLoOg#imgrc=CsHUcWClWVnmTM: